รมว.เกษตรฯ เปิดโครงการส่งเสริมพัฒนาโคนมไทยฯ ที่ปราณบุรี ชี้เป็นอาชีพพระราชทาน ต้องให้เกิดความมั่นคง เกษตรกรอยู่ดีกินดี มีอำนาจการต่อรองทางการตลาดได้
วันที่ 27 กันยายน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาโคนมไทย ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านการเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกร ที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา รัชกาลที่ 9 วัดหนองตาแต้ม อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วย นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายยุษฐิระ พัณฑุกุล ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายภิรมย์ นิลยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับ
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า อาชีพการเลี้ยงโคนมซึ่งเป็นอาชีพพระราชทาน จำเป็นต้องมีการพัฒนาเพื่อสร้างความเข้มแข็ง สามารถผลิตน้ำนมดิบที่มีคุณภาพ และนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นมเพื่อใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กนักเรียน ตามโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน ซึ่งจะช่วยให้เด็กนักเรียนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ในขณะเดียวกันเกษตรกรที่ประกอบอาชีพอื่นก็สามารถใช้เป็นทางเลือกอาชีพ เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากปัญหาภัยธรรมชาติและปัญหาด้านการเกษตรอื่นๆ ได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายในการส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรมีความอยู่ดีกินดี โดยยึดหลัก “ตลาดนำการผลิต”
“ผลผลิตมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ทำให้ราคาสินค้ามีความแน่นอน สามารถแข่งขันกับการเปิดเสรีทางการค้าได้ ทำให้อาชีพการเลี้ยงปศุสัตว์มีความมั่นคง สร้างรายได้มั่งคั่งและยั่งยืนในอนาคต อันจะเกิดความมั่นคงในอาชีพการเลี้ยงปศุสัตว์ รวมทั้งเกิดการรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายของกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ให้มีความเข้มแข็งและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างเกษตรกรด้วยกันเองและเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการประกอบอาชีพให้มั่นคงและมีอำนาจการต่อรองทางการตลาดได้”
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งประเทศ มีจำนวน 18,301 ราย โคนมจำนวน 661,741 ตัว ปริมาณน้ำนมดิบ 3,450 ตัน/วัน เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ มีจำนวน 860,604 ราย โคเนื้อ จำนวน 5,838,118 ตัว สำหรับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม จำนวน 958 ราย โคนมจำนวน 35,774 ตัว ปริมาณน้ำนมดิบ 195 ตัน/วัน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 10,612 ราย โคเนื้อ จำนวน 134,460 ตัว
ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ในปัจจุบันการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนม ได้มุ่งเน้นให้เกษตรกรมีการจัดการเลี้ยงดูโคนมเพื่อผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพ มีองค์ประกอบทางโภชนาการ เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ โครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน แต่ด้วยสภาพการจัดการฟาร์มโคนมของเกษตรกรในปัจจุบันยังต้องมีการพัฒนา เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้ให้มากยิ่งขึ้น ภายใต้สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับในปี 2568 ประเทศไทยต้องเปิดเขตการค้าเสรีหรือข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ส่งผลให้น้ำนมดิบและผลิตภัณฑ์ของน้ำนมโคนมที่นำเข้ามีภาษีเป็นศูนย์ ทำให้เกษตรกรต้องมีการพัฒนาระบบการเลี้ยง การจัดการฟาร์ม เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต.
ข้อมูลโดย : https://www.thairath.co.th/news/local/central/1670083